17 ส.ค.63 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ระบุว่า ...
ได้เห็นข้อความที่มีคนแชร์กัน เป็นข้อความของ ศ.ดร.ธงชัย วินิจกุล ตัดสินว่าการขึ้นปราศรัยของแกนนำ บนเวทีที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีอะไรผิด โดยมีเหตุผลว่า
"ผู้ขึ้นปราศรัยทำผิดเพียงเพราะว่านำสิ่งที่ผู้ใหญ่ซุบซิบนินทากันในที่ลับ มาพูดอย่างมีวุฒิภาวะใน ที่แจ้ง"
เป็นความเห็นคล้ายกับอ.ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่นอกจากบอกว่ามีการซุบซิบนินทาอยู่แล้ว ยังเชิญชวนให้ผู้ที่เคยซุบซิบนินทามาร่วมขบวนการด้วย
ผมกับอ.ธงขัย มีความคุ้นเคยกันพอสมควร เมื่อผมเริ่มเข้าทำงานเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในปี 2521 อ.ธงชัยเพิ่งกลับมาเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ต่อ หลังจากได้รับการนิรโทษกรรมจากคดีการชุมนุม ในเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519
เมื่อผมรับตำแหน่งผู้ช่วยรองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา(ปัจจุบันเรียกผู้ช่วยอธิการบดี) อ.ธงชัย แม้ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆของนักศึกษา แต่ก็ทำหน้าที่เสมือนเป็นที่ปรึกษาอาวุโส ขององค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(อมธ)
ผมจึงไม่แปลกใจ เพราะพอจะทราบแนวความคิดของอ.ธงชัยพอสมควร
ผมไม่ปฏิเสธว่า มีการการซุบซิบนินทากันในที่ต่างๆ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์จริง เนื่องจาก พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ต่างก็เป็นมนุษย์ปุถุชนเช่นเดียวกับเราๆ
แต่ละพระองค์อาจมีจุดอ่อนที่เป็นเหตุให้คนนำมาซุบซิบนินทากันในที่ลับมากบ้างน้อยบ้าง
แต่การซุบซุบนินทาไม่เหมือนกับการ ดูหมิ่น เยาะเย้ย ถากถาง กล่าวหา ให้ร้าย ครั้งแล้วครั้งเล่าบนเวทีซึ่งเป็นที่สาธารณะในวันนั้น ซึ่งไม่แน่ว่าจะเป็นการแสดงออกที่มีวุฒิภาวะสักเท่าไหร่
ที่สำคัญที่สุดคือ คนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ว่าจะซุบซิบนินทาหรือไม่ก็ตาม ยังคงคิดว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีความสำคัญและมีคุณูประการต่อประเทศชาติ และไม่ต้องการให้มีใครล้มล้าง เปลี่ยนการปกครองไปเป็นระบอบประธานาธิบดี
คนส่วนใหญ่ไม่ได้มองที่พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ แต่มองที่สถาบันพระมหากษัตริย์โดยรวม และคุณูปการที่พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ที่ทรงมีต่อประเทศไทย
เมื่อครั้งมีการประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของนักศึกษาและประชาชนในประเทศพม่า เมื่อปี พ.ศ.2531 นักศึกษาพม่าต้องเผชิญกับการปราบปรามของรัฐบาลทหาร เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 3 พันคน
ยังจำได้ว่าในช่วงนั้น ผมนั่งทำงานในห้องทำงานที่ตึกโดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สนทนาเรื่องการประท้วงข้างต้น กับท่านอาจารย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันท่านก็มีความเห็นสนับสนุน กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กับข้อเรียกร้อง 10 ข้ออย่างสำคัญ
เราพยายามวิเคราะห์การประท้วงของนักศึกษาพม่า ที่ลุกลามบานปลายจนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ต่างจากการประท้วงในประเทศไทย ที่ไม่เคยมีการลุกลามถึงขั้นนั้น ว่าเป็นเพราะเหตุใด
ผมเอ่ยขึ้นว่า
“เป็นเพราะพม่าไม่มีพระเจ้าอยู่หัวแบบประเทศไทย”
ท่านอาจารย์ผู้ใหญ่ท่านนั้นกล่าวตอบว่า
“ อาจารย์พูดถูก”
หลังจากนั้นอีก 4 ปี ก็เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่หวุดหวิดจะเกิดการนองเลือดอย่างมาก แต่ก็เป็นเพราะพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เหตุการณ์จึงสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ต่อมาพรรคสามัคคีธรรมซึ่งเป็นพรรคสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร(รสช) พยายามเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ พลอากาศเอก สมบุญ ระหงษ์ แต่เป็นเพราะพระองค์ท่าน และประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภาในขณะนั้นคือ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ที่ทำให้ประชาชนเฮกันทั้งประเทศ ด้วยความสะใจ เพราะนายกรัฐมนตรีที่โปรดเกล้าฯลงมาไม่ใช่ พลอากาศเอก สมบุญ ระหงษ์ แต่เป็น คุณอานันท์ ปันยารชุน ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดคนหนึ่งของประเทศ
ลืมเรื่องนี้กันแล้วหรือครับ
ขอบคุณข้อมูลและภาพ เฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr
August 17, 2020 at 11:08AM
https://ift.tt/3aAqqlU
ด้วยพระบารมี! อดีตรองอธิการบดีฯมธ.สะกิดความจำ'พฤษภาทมิฬ' - สยามรัฐ
https://ift.tt/3hPw4Ur
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ด้วยพระบารมี! อดีตรองอธิการบดีฯมธ.สะกิดความจำ'พฤษภาทมิฬ' - สยามรัฐ"
Post a Comment